วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

ครู....

...กลอนวันครู...


น้อมจิตวันทา บูชาคุณครู กตัญญูกตเวที




แม้งานหนักเหน็ดเหนื่อยไม่เคยบ่น

สู้อดทนส่งเสริมศิษย์พิชิตฝัน

สู้อุตส่าห์สั่งสอนทุกวี่วัน

จิตมุ่งมั่นอบรมจริยา



หวังเห็นศิษย์ก้าวหน้าในชีวิต

โดยอุทิศแรงกายให้สมค่า

คำว่าครูผู้ที่ใช้ซึ่งปัญญา

แก้ปัญหานานาประการ



มีเมตตาปรานีเป็นที่ตั้ง

คอยเหนี่ยวรั้งศิษย์รักทุกสถาน

คอยชี้แนะช่วยเหลือและเจือจาน

ศิษย์จึงผ่านอุปสรรคทุกสิ่งไป



แม้งานหนักอย่างไรไม่เคยท้อ

เพียงแต่ขอศิษย์รักที่เติบใหญ่

มีวิชาความรู้ตลอดไป

เพื่อไว้ใช้เลี้ยงชีพสำหรับตน



ขอน้อมจิตวันทาบูชาครู

ขอเชิดชูปูชนีย์คุณมากล้น

ขอกตัญญูต่อครูทุกทุกคน

ขอกุศลแห่งความดีคุ้มครองครู ฯ
 
ขอขอบคุณ : http://poem.kapook.com/teacherday.php

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

สรุปความคิดเห็น

สรุปความคิดเห็น



อ่า...วันนี้กิ๊ฟก็จะมาสรุปคำตอบของเพื่อนๆในคำถามที่กิ๊ฟได้ถามไปนะคะ

สรุปว่า...... ประมาณ 80 %  คิดว่าจะเรียนต่อที่โรงเรียน.......กัลยาณี.........เย้ๆๆๆ
                  ประมาณ 10 %  คิดว่าจะเรียนต่อที่อื่นๆ
และ            ประมาณ 10 %  ยังไม่ได้คิดว่าจะเรียนต่อที่ไหน

อืม...กิ๊ฟก็ขอให้เพื่อนทุกคนสมหวังกับการเรียนและสอบเข้าโรงเรียนที่อยากเข้าให้ได้นะคะ

ปล.กิ๊ฟอยากจะบอกกับคนที่ยังไม่ได้คิดว่าจะเรียนต่อที่ไหนว่า ควรคิดไว้แต่เนิ่นๆนะคะ จะได้วางแผนการเรียนถูก

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

อนาคต...!!!!~

เราอยากจะถามว่าในอนาคตเพื่อนๆคิดที่จะไปศึกษาต่อที่ไหนบ้าง
เพราะนี่ก้ใกล้จะจบกันแล้ว อีก 1 ปี คิดไว้ก่อนก็ดีนะจะได้ตัดสินใจให้ถูกทาง... ^^


จัดฟัน...จำเป็นด้วยหรือ???????

" คุณหมอคะ... ลูกของดิฉันจำเป็นต้องจัดฟันหรือเปล่าคะ?"


คง มีหลายๆ คนสงสัยกันไม่น้อย เกี่ยวกับเรื่องการจัดฟัน ว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องดัดฟัน เราช่วยไขปัญหาข้อข้องใจเกี่ยวกับการจัดฟันให้ได้ทราบกันถึงความจำเป็นและ ประโยชน์ของการจัดฟัน


ความจำเป็นและ ประโยชน์ที่จะได้รับจากการรักษา ทางทันตกรรมจัดฟัน






1. ช่วยให้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น

ใน กรณีนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนในคนไข้ที่มีฟันเกมากๆ ซึ่งการทำความสะอาดให้ทั่วถึงทุกตำแหน่ง เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากหรือ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยและสิ่งนี้เองก็จะเป็นสาเหตุของโรคฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์ท้ายที่สุดก็จะต้องสูญเสียฟันซี่นั้นๆ ไปในกรณีนี้ถ้าคนไข้ที่มีฟันเกได้รับการตรวจ วินิจฉัยและแก้ไขได้ถูกต้องโดยการดัดฟัน ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้คนไข้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายและทั่วถึงขึ้น การสูญเสียฟันก่อนกำหนดเนื่องจากฟันเก ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งในปัจจุบัน ทางทันตกรรมจัดฟันก็ถือว่าเป็นทันตกรรม ป้องกันได้อย่างหนึ่ง



2. ช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น

ใน สภาวการณ์ปัจจุบัน ทุกๆ คนคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการแข่งขันในสังคมสูงมาก นับตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล จนถึงขั้นจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และก็หลีกเลียงไม่พ้นกับการหางาน ทำตามที่เราได้ศึกษามา ซึ่งการที่ได้รับการคัดเลือกเข้า ทำงานหรือไม่นั้นจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน เช่น ระดับการศึกษา สาขาวิชา และความสามารถ เป็นต้น แต่มีองค์ประกอบสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธความสำคัญได้คือ บุคลิกภาพ ของตัวผู้สมัครเอง กล่าวคือในระดับการศึกษาและความสามารถที่เท่าๆ กัน บุคคลที่มีบุคลิกภาพที่ดีกว่าย่อมมีโอกาสได้รับการคัดเลือกมากกว่า การมีรอยยิ้มที่สวยงามก็จะทำให้เจ้าของ รอยยิ้มความมั่นใจในตัวเอง กล้าแสดงออก มีเสน่ห์ทำให้อยู่ ในสภาวะสังคมปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เอง ทันตกรรมจัดฟัน จึงเข้ามามีบทบาทคอยเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและคุณภาพของชีวิตนั้นๆให้ดีขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการ ลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า (Investment for the future)



3. ช่วยให้มีระบบการเคี้ยวที่ดีขึ้น

สาเหตุ ของระบบการบดเคี้ยวที่มีปัญหา ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากฟันมีการซ้อนเกหรือ ขึ้นผิดตำแหน่งซึ่งการรักษาทางทันตกรรม จัดฟันสามารถช่วยให้ มีระบบการบดเคี้ยวที่ดีขึ้น (เคี้ยวอาหารได้ละเอียดขึ้น) และมีส่วนช่วยเสริมให้มีบุคลิกภาพที่ดีและแข็งแรง



4. ช่วยให้มีการออกเสียงพูดได้ถูกต้องและชัดเจน

จะ พบมากที่คนไข้มีฟันห่าง นอกจากจะทำให้ขาดความมั่นใจ ในตัวเองนอกจากรอยยิ้มที่ไม่สวยงามแล้ว ยังมีผลต่อการออกเสียงอีกด้วยโดยเฉพาะเสียง ส นอกจากนี้ยังสามารถเห็นได้ชัดเจน ในคนไข้ที่มีลักษณะการคบฟันหน้าแบบสบเปิด (หมายถึงฟันหน้าบนและล่างสบกันไม่สนิทกัดเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ขาด) กล่าวคือคนไข้จะออกเสียง ส ไม่กัดลิ้นของคนไข้จะยื่นมาอยู่ระหว่างฟันหน้าล่าง



5. โรคปวดบริเวณข้อต่อขากรรไกร

ลักษณะ การสบฟันบางอย่างเช่น ฟันหน้าล่างคร่อมฟันหน้าบน หรือการสบหน้าฟันแบบเปิด ในคนไข้บางคนการสบฟันดังกล่าว ข้างต้นเป็นสาเหตุของอาการปวดข้อต่อขากรรไกร ดังนั้นลักษณะการสบฟันที่ปกตินั้น ถ้าได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธีก็จะสามารถ ป้องกันอาการผิดปกติ ของข้อต่อขากรรไกรได้



6. ช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุ และเหงือกอักเสบ

จาก ที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า ฟันที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบ จะช่วยให้การทำความ สะอาดฟันอย่างทั่วถึงเป็นไปได้ ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยให้อัตราการเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบลดลง



7. ช่วยลดการมีกลิ่นปาก

สาเหตุ ของกลิ่นปาก โดยส่วนใหญ่ เกิดจากเศษอาหาร และคราบจุลินทรีย์ ที่หลงเหลือเนื่องจาก การแปรงฟันไม่สะอาด เพียงพอโดยเฉพาะ อย่างยิ่งในฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดความกังวล ว่าจะมีกลิ่นปาก เป็นที่รังเกียจ ของคนข้างเคียง การไม่มีกลิ่นปากก็ เป็นการช่วยให้มี ความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเป็นการเสริมบุคลิคภาพ ได้อีกทางหนึ่งนอกจาก การมีรอยยิ้มที่สวยงาม



8. ช่วยหลีกเลี่ยงการใส่ฟันปลอม

การตรวจและวินิจฉัยความผิดปกติ โดยทันตแพทย์เฉพาะทาง สาขาทันตกรรม จัดฟันในบางกรณี จะสามารถช่วยให้ไม่ต้องใส่ฟันปลอม หรือใส่ฟันจำนวนซี่น้อยลงได้ เช่นในกรณีที่ฟันกรามแท้ซี่แรก ต้องถูกถอนออก (โดยส่วนใหญ่มักจะฟันผุจนไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้) ซึ่งในกรณีนี้เราสามารถจัดฟันโดยการเคลื่อนฟันกรามแท้ ซี่ที่สองมาแทนที่ฟันซี่แรก ที่ถูกถอนออกไปได้ โดยไม่ต้องใส่ฟันปลอม หรือทำรากฟันเทียมซึ่ง มีราคาแพงกว่าเป็นหลายเท่า เป็นต้น



9. ช่วยการขึ้นของฟันที่ไม่สามารถขึ้นได้เองตามธรรมชาติโดยการจัดฟัน

ในกรณีนี้ มักจะเกิดกับฟันเคี้ยว ที่มีทิศทางที่การขึ้นของฟันที่ไม่ถูกต้อง ที่ทำให้ฟันเคี้ยวฝังคุด อยู่ในกระดูกหรือฟันแท้ ที่ขึ้นตามธรรมชาติไม่เกิดเนื่องเนื่องจากฟันน้ำนม ถูกถอนออกก่อนกำหนด ทำให้ไม่มีเนื้อที่เพียงพอ สำหรับฟันแท้ที่ฝังอยู่ในกระดูก ใต้ฟันน้ำนมซี่นั้นๆ ไม่ต้องถูกถอนทิ้งโดยการผ่าออก
 
 
จากที่กล่าวมา ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าการจัดฟันนอกจาก จะช่วยให้มีรอยยิ้มที่สวยงาม สำหรับผู้พบเห็นแล้วยังช่วย ให้มีสุขภาพช่องปาก ที่ดีอีกด้วยซึ่งถ้าคุณมีความสงสัยก็สามารถ ขอคำอธิบายเพิ่มเติมได้กับทันตแพทย์จัดฟันใกล้บ้านท่าน
 
เครดิต : http://webboard.yenta4.com/topic/368021

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

20 สิ่งที่แสดงความเป็น "ผู้ดีอังกฤษ"

สวัสดีค่ะ วันนี้ กิ๊ฟฟี่ ก็มีวัฒนธรรมจากแดนผู้ดีเก่าของประเทศอังกฤษมาฝากกันนะคะ

20 สิ่งที่แสดงความเป็น "ผู้ดีอังกฤษ"



1. ยืนต่อแถว ในประเทศอังกฤษการเข้าแถวต่อคิว ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออาหาร การรอรถบัส หรืออื่นๆ ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก

2. ถอดหมวกทุกครั้งเมื่อเข้าในร่ม (เฉพาะผู้ชาย) โดยเฉพาะในโบสถ์ที่ต้องถอดหมวกทุกครั้งเมื่อเข้า ไป แต่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่ นิยมถอดหมวกเมื่อเข้าไปในที่ร่ม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่อง ที่ไม่สุภาพ
3. พูด "Excuse me" เช่น ถ้ามีคนมายืนขวาง ทางเรา เราต้องพูด Excuse me เพื่อขอให้เค้า ช่วยหลีกทาง

4. จ่ายเงินในสิ่งที่ตัวเองเป็นคนสั่ง เมื่อไปทานข้าว กับใครก็ตาม ถ้าเราเป็นคนสั่งอาหารหรือเครื่องดื่ม นั้นให้ฝ่ายตรงข้าม เราต้องจ่ายเงินในส่วนนั้นด้วย
5. Please / Thank you เรียกได้ว่าเป็นคำพูด ติดปากของคนอังกฤษ ซึ่งหากใครไม่พูดคำนี้เวลา ขอร้องและขอบคุณ ถือว่าไม่มีมารยาท
6. เมื่อต้องการไอหรือจาม ต้องใช้มือปิดปากทุก ครั้ง
7. เมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จักเพื่อนใหม่ ควรทักทายด้วยการจับมือขวา

8. พูดคำว่า Sorry เช่น เดินชนผู้อื่น ถึงแม้จะเป็นความผิดของอีกฝ่าย แต่เราควรจะเอ่ยปากว่า ขอโทษก่อน

9. ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม หน้าที่ยิ้มคือหน้าที่บ่งบอกการต้อนรับผู้อื่น

10. เปิดประตูให้อีกฝ่าย ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ถ้าใครเดินถึงประตูก่อนคนแรก ต้องเป็นคนเปิดประตู ให้อีกฝ่ายด้วย

11. ไม่ทักทายกันด้วยการจูบ จะจูบเฉพาะกับเพื่อน สนิทหรือญาติพี่น้องเท่านั้น
12. ไม่คุยเสียงดังในที่สาธารณะ
13. ไม่จ้องมองคนอื่นในที่สาธารณะ เพราะถือว่าเป็น การทำลายความส่วนตัว

14. ไม่ถามอายุของผู้หญิง ถือว่าเป็นการไม่ สุภาพอย่างมาก
15. ไม่ถามคำถามส่วนตัว เช่น หนักเท่าไหร่ มีเงิน เก็บเท่าไหร่ หรือ ทำไมยังไม่แต่งงาน (คนไทยชอบ ถามกันมากๆ)
16. ไม่พูดคุยในขณะที่มีอาหารอยู่เต็มปาก
17. ไม่เรอเสียงดังหลังจากกินหรือดื่ม แต่ถ้าอดไม่ได้ จริงๆ ก็ให้ปิดปากและเอ่ยว่า Excuse me
18. ไม่ถุยน้ำลายบนถนน ถือว่าเป็นสิ่งที่หยาบคาย มากๆ

19. ไม่ควรผายลมในที่สาธารณะ ถ้าอดไม่ได้จริงๆ ให้พูดว่า Pardon me หรือ Excuse me

20. ไม่ควรสั่งน้ำมูกในที่สาธารณะ หรือไม่งั้นควรใช้ผ้าเช็ดหน้า

10 ข้อควรทำ และ 10 ข้อต้องห้ามนี้ ถ้าใครทำได้ครบ ว่ากันว่าเป็นผู้ดีอังกฤษตัวจริงเลยล่ะ ว่าแต่มีใครทำได้ครบบ้างมั้ยอะ กิ๊ฟฟี่ ทำข้อ 16 ไม่ได้อะ ฮ่าๆๆๆ จริงๆ ก็เหมือนว่าไม่ใช่แค่วัฒนธรรมอังกฤษเท่านั้น เพราะวัฒนธรรมเหล่านี้ได้เผยแพร่จากอังกฤษไปยังหลายๆ ที่ เพราะหลายๆ ประเทศก็มีวัฒนธรรมที่คล้ายแบบนี้กันเกือบหมดแล้วล่ะค่ะ

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

50 คำคม


สวัสดีค่ะเพื่อนๆที่รักทุกคน วันนี้กิ๊ฟก็มี 50 คำคมมาฝากเพื่อนๆกันนะคะ

1.คาดหวังให้สูงเข้าไว้และแน่นอนว่าต้องเตรียมใจที่จะพบกับความผิดหวังด้วย
2.ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
3.ถ้าเชื่อว่าไม่แพ้ เราก็จะไม่แพ้
4.คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้
5.อุปสรรคล้วนเป็นยาขม ไม่มีใครอยากลิ้มลอง แต่ขึ้นชื่อว่ายาขม ส่วนใหญ่มักเป็นยาดีเสมอ
6.ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ความสุขในคราวต่อมาเป็นความสุขที่แท้จริง
7.เพื่ออะไรกับการรอคอยที่ไม่มีความหมาย
8.ยิ่งบทเรียนยากขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเราผ่านมันไปได้เราก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น
9.กุหลาบไร้หนามมีเพียงมิตรภาพเท่านั้น
10.อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้คำนึงถึงสิ่งที่กำลังทำ
11.แม้แต่นิ้วของคนเรายังยาวไม่เท่ากัน นับประสาอะไรกับความยั่งยืนของชีวิต
12.โลกใบนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ถ้าไม่ออกเดินทางก็ไม่มีวันค้นพบ
13.ไม่มีใครสะดุดภูเขาล้ม มีแต่สะดุดก้อนหินล้ม
14.ไม่มีใครเข้มแข็งตลอดไปและไม่มีใครอ่อนแอตลอดกาล
15.บางครั้งเราก็เหมือนคนตาบอดมีวิธีเดียวที่จะพาเรามุ่งหน้าไปได้คือการคลำทางเดินหน้าต่อไป
16.อย่าเกลียดน้ำตาเพราะมันคือเพื่อนแท้ อย่าเกลียดความอ่อนแอเพียงเพราะมันไม่ใช่ความเข้มแข็ง
17.มีเพียงชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่นเท่านั้นที่ควรค่าแก่การมีชีวิต
18.ทุกอย่างมีค่าเสมอ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าไม่ควรจะทำมันอีก
19.คนฉลาดย่อมไม่นำแต่ตาม ย่อมไม่พูดแต่ฟัง
20.ทุกคนได้ยินในสิ่งที่คุณพูด ต่เพื่อนที่ดีที่สุดจะได้ยินแม้ในสิ่งที่คุณไม่ได้พูด
21.อวดโง่ดีกว่าอวดฉลาด
22.คนที่ว่าคนอื่นโง่ บุคคลนั้นโง่ยิ่งกว่า คนที่ว่าคนอื่นฉลาด บุคคลนั้นคือผู้ฉลาดอย่างแท้จริง
23.ฝันได้แต่อย่าหวัง
24.เรียนรู้ที่จะแพ้อย่างผู้ชนะ แล้วจะรู้จักกับคำว่าชัยชนะที่แท้จริง
25.นักปราชญ์ควรรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด
26.ความยึดถือคือความเจ็บปวด
27.พระเจ้าไม่ได้รักเรามากกว่าคนอื่น และไม่ได้รักคนอื่นมากกว่าเรา
28.อุปสรรคคือแบบทดสอบของชีวิต
29.ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต
30.สิ่งร้ายๆจะมาพร้อมกับสิ่งดีๆเสมอ
31.โลกใบนี้ยังมีมุมดีๆให้มอง
32.ตัวเรายังไม่ได้ดั่งใจเรา แล้วคนอื่นจะเป็นได้อย่างไร
33.ถนนบางสายไกลหน่อยแต่ก็ยังมีวันถึง
34.แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง แต่งใจด้วยความดี
35.ความเจ็บปวดทำให้หัวใจแข็งแกร่ง
36.เดินคนเดียวอาจไม่รู้สึกดีอะไร แต่อย่างน้อยก็มีที่แกว่งแขนมากขึ้น
37.ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเดิม
38.ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เพราะทุกปัญหาแก้ไขได้
39.ถ้าไม่ลองก้าวจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองวิ่งได้
40.ตึกสูงระฟ้ามาจากก้อนอิฐ
41.ใช้ชีวิตอยู่กับความจริง ยอมรับสิ่งที่เป็น มองเห็นข้อดีคนอื่น หยัดยืนด้วยขาตัวเอง
42.เราจะรู้รสชาติของความสุขก็ต่อเมื่อเราผ่านความทุกข์มาก่อน
43.ปัญหามีไว้แก้ และต้องแก้ด้วยตัวเองไม่ใช่ยืมมือคนอื่นมาแก้
44.จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์คือความเชื่อใจ
45.ทุกคนมีคุณค่าเพียงแต่มีโอกาสแสดงคุณค่าไม่เท่ากัน
46.บางทีการได้เจอปัญหามันก็ดีเหมือนกัน
47.สิ่งที่ผ่านมาแล้วจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
48.ไม่ว่าใครจะตายหรือหายไป สุดท้ายโลกก็ยังหมุนต่ออยู่ดี
49.น้ำตาให้ได้แค่ความเห็นใจ
50.ในการที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใดทุกครั้งควรคิดถึงจุดจบด้วย

ที่มา : www.Dek-D.com

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กลเม็ดอัพสมอง

กิ๊ฟท์ เอาบทความดีๆมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ ลองทำดูนะ สมองจะได้บิ้งบิ้ง


เพราะวัยรุ่นอย่างน้องๆ ทั้งหลายต้องใช้สมองในการเรียนหนังสือ แม้แต่วัยผู้ใหญ่ก็ต้องใช้สมองในการทำงาน ซึ่งสมองเวลาใช้งานหนักๆ เข้ามันก็เหนื่อยก็ล้า และอาจจะหลงลืมอะไร ความจำก็ไม่ดีเหมือนตอนเป็นเด็ก ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมเคล็ดลับที่ทำให้สมองแล่นปรู๊ดปร๊าดมาฝาก รับรองเลยว่าถ้าทำตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตข้างหน้าคุณจะไม่เฉียดกรายโรคอัลไซเมอร์แน่นอนค่ะ

1. หากอยากจะจดจำให้แม่น การงีบนอนให้หลับ โดยเฉพาะเวลากลางวันนาน 90 นาที จะได้ผลดีที่สุด
2. สมองประกอบด้วยน้ำ 85% เซลลสมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึง ควรดื่มน้ำบ่อย
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้วให้ตั้งสติและ นั่งสมาธิทุกเช้าวันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าหากทำไม่ได้ในตอนเช้าก็ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน
4. ใส่ความตั้งใจ การตั้งใจในสิ่งใดก็ตามเหมือนเป็นการตั้งโปรแกรมสมองว่า นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
5. ทุกครั้งที่ ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมา เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
7. ลับสมองด้วยการเล่นสแคร็บเบิ้ล หรือเล่นคิวบิกทุกวัน
8. ขณะที่เราไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเองเป็นการลดภาระของสมอง
9. เขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
10. สมองใช้ออกซิเจน 20-25% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลาเย็น หรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20%

ข้อมูลจาก : http://www.womaninfocus.com/knowledge-044.htm